ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ 1.5 ลิตร TURBO พร้อม Honda SENSING
  • 13 Feb 2019
  • Car Drive

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ 1.5 ลิตร TURBO พร้อม Honda SENSING

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอก และภายในห้องโดยสารใหม่ ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสปอร์ตพรีเมียมที่ยกระดับไปอีกขั้น พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทางไปกับ Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า มาพร้อมขุมพลังแห่งนวัตกรรมทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม และเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้การขับขี่ที่เร้าใจแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนตัวตนของคุณให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยสีใหม่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (Brilliant Sporty Blue)

Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า

มั่นใจในทุกเส้นทางด้วย Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า ที่ผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System - CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow - ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System - LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติรวมทั้งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่จากการขับขี่

  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning - RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย  และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางอย่างไร้การควบคุมจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร 
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam - AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า

การออกแบบภายนอก 

รูปลักษณ์ภายนอกของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Revolutionary Silhouette Advanced Neo Sedan”  เน้นการออกแบบในสไตล์ที่ล้ำสมัยบนพื้นฐานการจัดวางโครงสร้างภายในอย่างมีระดับ ด้วยลักษณะตัวถังที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง ผสานกับเส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัด สะท้อนรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว 

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มาพร้อมกับอีกขั้นของดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมที่ท้าทายทุกสายตา ด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความสง่างามที่ลงตัวในทุกการขับขี่ ดีไซน์ดุดันยิ่งขึ้นด้วย

กันชนหน้าและกระจังหน้าในสไตล์สปอร์ตใหม่แบบ RS เชื่อมต่อกับไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light (DRL) ทั้งยังโดดเด่นด้วยไฟท้าย LED รูปทรงตัว C (C-Identity) เอกลักษณ์แบบซีวิค ไฟตัดหมอกแบบ LED ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียม กันชนหลังตกแต่งด้วยโครเมียมใหม่ และเสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) เพิ่มความโฉบเฉี่ยวและให้ความรู้สึกหรูหรา พร้อมล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตใหม่ ดึงดูดทุกสายตา

เสากระจกบังลมหน้า (A-Pillar) ของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีทัศนวิสัยด้านหน้าที่กว้างยิ่งขึ้น ขณะที่แนวเส้นหลังคาลาดเทลงไปด้านหลัง เชื่อมต่อกับเสากระจกบังลมหลัง (C-Pillar) ได้อย่างกลมกลืน โดยที่แผ่นกระจกบังลมหลังโค้งสอดรับกับแนวตัวถังด้านท้ายทั้งสองมุมได้อย่างลงตัว

เพิ่มความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งจากโมดูโล (Modulo) ที่สะท้อนเอกลักษณ์ในแบบของคุณ อาทิ ไฟตัดหมอก สเกิร์ตข้าง คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า คิ้วตกแต่งกระจกมองข้างโครเมียม คิ้วกันสาดขอบโครเมียม สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตหลัง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก เป็นต้น

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

ห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ผสานความสปอร์ตพรีเมียมในทุกรายละเอียด โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายใน เบาะที่นั่งตกแต่งด้วยด้ายสีแดง มาพร้อมวัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ Piano Black โดยภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ใกล้เคียงกับรถยนต์ในระดับ D-Segment มีการเว้นระยะห่างช่วงสะโพกของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าและพื้นที่ช่วงหัวเข่าของผู้โดยสารด้านหลัง ทั้งยังสะดวกด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ที่สามารถจุสัมภาระได้ 525 ลิตร

แผงหน้าปัดได้รับการออกแบบเป็นชิ้นเดียวกัน ทำให้พื้นที่ในส่วนของระบบปรับอากาศมีขนาดกะทัดรัด และส่งผลให้พื้นที่ช่วงหัวเข่ากว้าง มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ดีไซน์สปอร์ต ให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ ประกอบด้วย มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ มาตรวัดระดับเชื้อเพลิง และรอบเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีมาตรวัดความเร็วแสดงผลเป็นตัวเลขดิจิตอล

แผงคอนโซลกลางได้รับการออกภายใต้แนวคิด “Tech Center” ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางเทคโนโลยี โดยด้านบนสามารถแยกออกเป็น 2 ชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับช่องเชื่อมต่อได้อย่างเป็นระเบียบ นำเสนอฟังก์ชั่นที่ทันสมัยสำหรับความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง อาทิ หน้าจอแสดงผลการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย (Hands-free Telephone) สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง สวิตช์รับและวางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย พร้อมสวิตช์สั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri ช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องเชื่อมต่อ HDMI และช่องจ่ายไฟสำรอง อีกทั้งที่วางแก้วน้ำและช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลาง เพื่อความสะดวกในการจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนตลอดพื้นที่คอนโซลกลาง เป็นต้น

เครื่องยนต์

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลังเครื่องยนต์ ที่ผสานทั้งประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและสมรรถนะในการขับขี่ ได้แก่

1. เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85

2. เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดแบบ flat torque 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 5,500 รอบต่อนาที โดยใช้เทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคท์ อินเจคชั่น ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง พร้อมการออกแบบท่อไอดีแบบตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้รวดเร็วและปริมาณเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้  ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร โดย 3 เทคโนโลยีหลักของ VTEC TURBO ที่ให้สมรรถนะอันทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ได้แก่ 

2.1 ระบบหัวฉีด ไดเรคท์ อินเจคชั่น และท่อไอดีแบบตรง 

เครื่องยนต์ VTEC TURBO ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคท์ อินเจคชั่น ซึ่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านหัวฉีดตรงไปยังกระบอกสูบ การไหลของไอดีแบบตรงช่วยให้อากาศและเชื้อเพลิงผสมกันได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยเพิ่มแรงบิดในทุกช่วงการทำงานของรอบเครื่องยนต์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น 

ระบบนี้ประกอบด้วยปั๊มแรงดันสูง และหัวฉีดแรงดันสูงแบบ multi hole  สามารถฉีดตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ในลักษณะฝอยละอองที่ละเอียดยิ่งขึ้น  ช่วยให้อากาศที่ถูกส่งเข้ามาในห้องเผาไหม้ได้ผสมกับน้ำมันที่ถูกจ่ายลงมาได้อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดมลภาวะในอากาศ 

2.2 ระบบการควบคุมการเปิด - ปิดวาล์วแบบคู่ (Dual Variable Timing Control) 

ที่สามารถแปรผันช่วงเวลาในการทำงานทั้งในส่วนของแคมชาฟต์ฝั่งไอดีและไอเสียได้อย่างอิสระ โดยจะปรับช่วงเวลาในการเปิดและปิดของวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่ที่แท้จริง จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกรอบการทำงานของเครื่องยนต์

2.3 เทอร์โบ ชาร์จเจอร์ ที่มีระบบควบคุมช่องระบายไอเสียส่วนเกินด้วยไฟฟ้า

สำหรับเครื่องยนต์ VTEC TURBO มีการใช้เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบเวสท์เกตไฟฟ้า และใบเทอร์ไบน์ที่มีขนาดเล็กและเบา  ทำให้การปั่นของใบเทอร์ไบน์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  ถึงแม้จะใช้ปริมาณไอเสียที่น้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือการตอบสนองของคันเร่งที่ดีขึ้น ลดปัญหาอาการ Turbo Lag หรือ การตอบสนองของคันเร่งที่ล่าช้าหลังจากเหยียบคันเร่ง 

ระบบส่งกำลัง

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT (Continuously Variable Transmission) ซึ่งพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ Earth Dreams Technology ที่โดดเด่นในเรื่องของความนุ่มนวล และให้อัตราเร่งที่ดีเยี่ยม  ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่ในช่วงรอบต่ำ และการที่ชุดเกียร์มีระยะอัตราทดที่กว้างจึงช่วยลดรอบเครื่องยนต์เมื่อใช้ความเร็วสูง

เกียร์ CVT ประกอบด้วยทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนพูลเลย์ ซึ่งสามารถปรับระยะอัตราทดได้กว้าง และพูลเลย์ทั้ง 2 ตัวนี้จะถูกเชื่อมด้วยสายพานที่ผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง ด้านในของตัวพูลเลย์จะมีหน้าผิวสัมผัสที่เอียง ซึ่งตัวสายพานจะสัมผัสกับพื้นที่ตรงส่วนนี้และหมุนรอบอย่างต่อเนื่อง โดยที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางแปรผันกับการปรับระยะกางของพูลเลย์ ตามอัตราทดที่เหมาะสมระหว่างพูลเลย์ขับและพูลเลย์ตาม อัตราทดของเกียร์ CVT จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่จะอยู่ในช่วงของอัตราทดเกียร์ต้น และ อัตราทดเกียร์ปลายที่ถูกกำหนดเอาไว้ 

การกำหนดช่วงอัตราทดเกียร์สำคัญอย่างมากสำหรับเกียร์ CVT ซึ่งแตกต่างจากเกียร์อัตโนมัติแบบเดิมที่มีการกำหนดอัตราทดเกียร์ในแต่ละจังหวะเกียร์ไว้แล้ว นอกจากนี้ระบบเกียร์ CVT ของซีวิค ใหม่ จะปรับอัตราทดเกียร์จากจังหวะหนึ่งไปอีกจังหวะหนึ่งได้อย่างแม่นยำและราบรื่น เพราะมีระบบสมองกลคอมพิวเตอร์ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเกียร์เพื่อเลือกอัตราทดเกียร์ที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับสภาพการขับขี่  แตกต่างจากการเลือกอัตราทดเกียร์ของเกียร์อัตโนมัติทั่วไปที่ใช้การประมาณการณ์อัตราทดเกียร์ที่เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ 

ระบบแชสซีส์

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ออกแบบตัวรถบนพื้นฐานโครงสร้างตัวถังที่มีความแข็งแกร่ง และมีน้ำหนักเบา โดยระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ รวมถึงระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ที่ได้รับการออกแบบมีจุดยึดบนซับเฟรมหลังที่แข็งแรงขึ้น และให้การทรงตัวที่ดีเยี่ยม โดยนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำบูชยางแบบ          ไฮดรอลิกมาใช้ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งใช้กับรถยนต์รุ่นใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และช่วยลดแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งยังมีการใช้เหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้าและหลังเพื่อให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และลดอาการโคลงตัวของรถได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น

  • ระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการขับที่เน้นสมรรถนะ และการตอบสนองต่อการขับเคลื่อนที่ฉับไว ทั้งยังให้ความนุ่มนวลและการทรงตัวที่ดี โดยแขนปีกนกล่างเชื่อมต่อเข้ากับซับเฟรมด้านหน้าและตัวถังผ่านทางบูชที่มีการบรรจุของเหลวเอาไว้ภายใน ซึ่งช่วยขจัดปัญหาเรื่องเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) ที่มาจากถนน
  • ระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์ ประกอบไปด้วยแขนยึดเหล็กปั๊มขึ้นรูป ดุมล้อ ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมอัลลอย และเหล็กกันโคลง  ปีกนกหลังมีขนาดที่ใหญ่และยาวขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน  ในส่วนของเทรลลิงอาร์มจะถูกติดตั้งอยู่ที่โครงสร้างตัวถังผ่านทางบูชที่มีการบรรจุของเหลวเอาไว้ภายใน เพื่อช่วยลดเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) ในขณะขับขี่ โดยที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมรถเอาไว้
  • ดูอัลพิเนี่ยน หรือแกนพิเนี่ยนคู่ พร้อมพวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ที่สามารถปรับอัตราทดเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถ โดยยังคงซึ่งความสะดวกสบายที่เหนือระดับ โดยแกนพิเนี่ยนคู่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองให้ดีขึ้น และหากเปรียบเทียบกับระบบบังคับเลี้ยวที่มีแกนพิเนี่ยนเป็นแบบเดี่ยวจะพบว่า ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนี่ยนแบบแกนพิเนี่ยนคู่ พร้อมระบบเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า จะประมวลผลด้วยข้อมูลที่ถูกส่งเข้ามาจากผู้ขับขี่ผ่านทางพวงมาลัยร่วมกับข้อมูลที่ถูกส่งมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงบิดแบบ Non-Contact ได้รับข้อมูลจากการที่ผู้ขับขี่หมุนพวงมาลัย กล่อง ECU จะทำหน้าที่ในการตัดสินว่ามอเตอร์ไฟฟ้าควรจะช่วยเพิ่มแรงในระดับใด ผลลัพธ์ที่ได้คือ การทำงานที่ต่อเนื่อง และเป็นธรรมชาติกว่าพวงมาลัยที่ใช้แกนพิเนี่ยนแบบเดี่ยว
  • หลักอากาศพลศาสตร์ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ในการลดแรงต้านให้น้อยลง ส่งผลถึงอัตราประหยัดน้ำมัน และช่วยลดเสียงรบกวนที่เข้าสู่ห้องโดยสาร ด้วยการจัดการการไหลผ่านของอากาศที่ใต้ท้องรถและในห้องเครื่องยนต์ ผสานกับการออกแบบใหม่ของเสากระจกบังลมหน้า A-Pillar จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลผ่านของกระแสลมได้เป็นอย่างดี รวมถึงแนวลาดเทของหลังคาส่วนท้าย และกระจกบังลมหลังยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านหลักอากาศพลศาสตร์อีกด้วย

ระบบเพื่อการประหยัดพลังงาน

  • ECO Coaching

ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างรู้คุณค่า โดยวัดจากการเหยียบเบรกและคันเร่ง ซึ่งจะแสดงผลด้วยการเปลี่ยนสีที่มาตรวัดเรืองแสง

  • ECON Mode

ระบบช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยปรับการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้งยังช่วยปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม ทำให้เครื่องยนต์ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เทคโนโลยีล้ำสมัย สะดวกสบายในทุกการขับขี่

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ด้วยการควบคุมอย่างสะดวกง่ายดาย เพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ

  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง  พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB มาพร้อมกับลำโพง 2 ตัวบริเวณประตูด้านหน้า อีก 2 ตัวที่แผงลำโพงทางด้านหลัง พร้อมกับทวีตเตอร์ จำนวน 4 ตัว ซึ่งติดตั้งบริเวณเสา A-Pillar 2 ตัว และอีก 2 ตัวที่ข้างแผงลำโพงทางด้านหลัง
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิ แยกอิสระซ้าย / ขวา
  • กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ

  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง สวิตช์รับและวางสายโทรศัพท์ พร้อมสวิตช์สั่งการด้วยเสียงผ่าน Siri มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ดีไซน์สปอร์ต ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย โดยสามารถเปลี่ยนข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายดาย ผ่านสวิตช์ควบคุมบนพวงมาลัย 
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) สามารถสั่งการได้จากระยะไกลเพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้า โดยรถจะต้องอยู่ที่เกียร์ P เท่านั้น เครื่องยนต์จึงสตาร์ทติด โดยที่ประตูรถจะยังคงล็อคอยู่ และเมื่อกุญแจรีโมทพร้อมผู้ขับขี่อยู่ภายในตัวรถ ทำการเหยียบเบรกค้างไว้ พร้อมกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อสตาร์ทรถ รถจึงจะเคลื่อนตัวได้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) 
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) 
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

าตรฐานความปลอดภัยที่เหนือระดับ มั่นใจได้ในทุกการเดินทาง

นอกเหนือจาก เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING แล้ว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เพิ่มความมั่นใจอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ อาทิ

  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ที่ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยใช้กล้องจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้ว เพื่อการมองเห็นที่ไร้มุมอับ ให้ความปลอดภัยในทุกการขับขี่
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) เพียงใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น)
  • ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold) เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อโดยอัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้ และระบบจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง (ระบบจะคลายเบรกในกรณีที่ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เท่านั้น)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในจังหวะที่เกียร์ถูกเปลี่ยนมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลังโดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน
  • โครงสร้างตัวถังนิรภัย (G-Force Control: G-CON) ออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยให้กับตัวรถ รวมทั้งลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถคันอื่น ในกรณีที่เกิดการชนทางด้านหน้า โครงสร้างตัวถังแบบ G-CON จะช่วยกระจายแรงที่เกิดขึ้นจากการชนไปยังส่วนที่มีพื้นที่ที่กว้างกว่า ในขณะเดียวกันนั้นยังลดโอกาสของการโค้งงอ เนื่องจากชิ้นส่วนโครงสร้างจะช่วยดูดซับแรงกระแทกของรถคันอื่น
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้ และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง 
  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)  โดยระบบป้องกันล้อล็อกจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกในระหว่างที่มีการเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรกถูกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะทำหน้าที่ในการกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ช่วยป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง เพิ่มการยึดเกาะถนน และให้ความมั่นใจในระหว่างการขับ การเลี้ยว หรือการหยุด และให้การทรงตัวที่ดีของรถยนต์ในทุกทิศทาง
  • ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) เมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก โดยการทำงานจะอาศัยหน้าที่ในระบบการทรงตัวเข้ามาควบคุมการรักษาแรงดันของน้ำมันเบรกเอาไว้ ทำให้รถสามารถหยุดนิ่งในตำแหน่งเดิมได้ประมาณ 1 วินาที ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายเท้าจากเบรกมาที่คันเร่ง และช่วยให้การออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) สัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น 

รุ่น TURBO RS ราคา 1,219,000 บาท

รุ่น TURBO ราคา 1,104,000 บาท

รุ่น 1.8 EL ราคา    964,000 บาท

รุ่น 1.8 E ราคา    874,000 บาท

สี

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และสีขาวแพลทินัม (มุก

หมายเหตุ:

- อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

- สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/civic

http://www.autofulltravel.com

https://www.facebook.com/autofulltravel/